สมุนไพรประเภท ไม้เถา,ไม้เลื้อย
บอระเพ็ด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tinospora crispa ( L.) Miers ex Hook.f. & Thoms
ชื่อสามัญ : HEART-LEAVED MOONSEED
วงศ์ : Menisspermaceae
ชื่ออื่น : เครือเขาฮอ จุ่งจิง เจตมูลหนาม เจตมูลยาน เถาหัวด้วน หางหนู
ลักษณะทั่วไป
- บอระเพ็ดเป็นพันธุ์ไม้เถาเลื้อยเนื้ออ่อน แต่ถ้าอายุมากเนื้อของลำต้นอาจแข็งได้ เถาอ่อนผิวเรียบสีเขียว เถาแก่สีน้ำตาลอมเขียว ผิวขรุขระ เป็นปุ่มๆ เถากลมโตขนาดนิ้วมือ ประมาณ 1-1.5 ซม.
- ยาง : มีรสขมจัด ขึ้นเกาะต้นไม้อื่นมักจะมีรากอากาศคล้ายเชือกเส้นเล็กๆ ห้อยลงมาเป็นสาย
- ใบ : ใบเดี่ยวเป็นแบบสลับใบเป็นรูปไข่ป้อม โคนใบหยักเว้าลึกเป็นรูปหัวใจ โดยปกติปลายใบจะแหลม (แบบ Acuminate) มีเส้น Nerve 5-7 เส้นที่เกิดจากฐานใบขอบทั้งหมด ขอบใบเรียบขนาดกว้าง 3.5-10 ซม. ยาว 6-13 ซม. แยกต้นต้วผู้เมียออกดอกเป็นช่อตามกิ่งแก่ตรงบริเวณซอกใบหรือปลายกิ่ง
- ดอก : ขนาดเล็กสีเหลืองอมเขียว, แดงอมชมพู, เขียวอ่อน, เหลืองอ่อน ช่อดอกแบบ Raceme หรือ Fasicle เดี่ยว ยาว 5-20 ประกอบด้วยกลีบดอก กลีบเลี้ยงอย่างละ 6 Stamen 6 ผล มีลักษณะเป็น Drug รูปใบสีเหลืองถึงแดง ขนาด 2-3 ซม.
สรรพคุณ
- ลำต้น : ลำต้น (stem) (เถาหรือลำต้นสด) ในตำราไทยใช้ส่วนของลำต้นซึ่งมีรสขมจัด แก้ไข้ เจริญอาหาร แก้เบาหวาน แก้กระหายน้ำ ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน ใบพอกฝีแก้ฟกบวม แก้ปวดแสบปวดร้อน
- เถา : มีรสขม นำมาปรุงเป็นยารับประทาน แก้ไข ขับเหงื่อ ทำให้เลือดลมเย็น ลดความอ้วนในร่างกาย แก้กระหายน้ำ แก้ร้อนในได้ดีมาก ช่วยให้เจริญอาหาร ผสมกับน้ำมันมะพร้าวรักษา รูมาติซึม บำรุงสุขภาพและช่วยให้อายุยืน
- ใบ : นำมาโขลกให้ละเอียด ใช้พอกปิดฝี และใช้แก้ฟกบวม แก้ปวดแสบปวดร้อน เป็นยารักษาพยาธิในฟันและในท้อง ทำให้อายุยืน มีเสียงหวาน ลดอาการปวดและอาการบวมจากฝี รักษาโรคผิวหนัง แก้อาการคันจากผื่น ขับพยาธิ ช่วยให้ลดไข้ รักษาไข้มาลาเรีย
- รากและเถา : นำมาตำผสมกับมะขามเปียกและเกลือ หรือใส่ในยาดองเหล้า โดยจะกินครั้งละ 1 ช้อนชา ซึ่งจะช่วยลดไข้ ช่วยให้เจริญอาหาร รักษาไข้มาลาเรียขึ้นสมองปัจจุบันองค์การเภสัชกรรม ได้ผลิตทิงเจอร์บอระเพ็ด เพื่อใช้แทนทิงเจอร์ เจนเซียล
- ดอก : รักษาโรคในปากและช่องหู ขับพยาธิ
- ผลและลูก : ใช้เป็นยารักษาโรคไข้พิษอย่างแรงและเสมหะเป็นพิษ รักษาโรคอุจจาระเป็นเลือด รวมทั้งโรคติดเชื้อในกระแสเลือด
- ต้นและเถา : รักษาโรคพิษฝีดาษ โรคไข้เหนือ โรคไข้พิษทุกชนิด เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงไฟธาตุ รักษาอาการร้อนใน ทำให้เจริญอาหาร ขับน้ำย่อยในทางเดินอาหาร ระงับความร้อน รักษาโลหิตพิการ และระงับอาการสะอึก
พริกไทย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Piper nigrum Linn.
ชื่อสามัญ : Pepper
วงศ์ : Piperraceae
ชื่ออื่น : พริกน้อย (เหนือ) พริก (ใต้) พริกขี้นก พริกไทยดำ พริกไทยล่อน
ลักษณะทั่วไป
- เป็นต้นไม้ประเภทไม้เลื้อย มีความสูงประมาณ 5 เมตร
- ลำต้น : ลักษณะของลำต้นเป็นข้อๆ เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน
- ราก : ระบบรากของต้นพริกไทยจะมีเกิดบริเวณข้อตามลำต้นเป็นรากเล็กๆจะเป็นรากที่ ช่วยยึดเกาะ และมีรากที่อยู่ในดินขนาดใหญ่ประมาณ 3-6 ราก แต่ละรากจะมีรากฝอย
- ใบ : ลักษณะใบจะมีสีเขียวสด ใบใหญ่คล้ายใบโพ
- ดอก : ดอกของพริกไทยจะมีขนาดเล็ก จะออกช่อตามข้อเป็นพวง
- เมล็ด : เมล็ดจะมีลักษณะกลมติดกันเป็นพวง
สรรพคุณ
- ดอก : มีสรรพคุณใช้แก้ตาแดงเนื่องจากความดันโลหิตสูง
- เมล็ด : มีสรรพคุณใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร ย่อยพิษตกค้างที่ไม่สามารถย่อยได้ ขับเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด แก้ปวดท้อง ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้ลมอัมพฤกษ์และระดูขาว ในเมล็ดพริกไทยมีสารไปเปอรีน และสารฟินอลิกส์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็ง มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท และแก้โรคลมชักหรือลมบ้าหมูได้
- ใบ : มีสรรพคุณใช้แก้ลมจุกเสียด แก้ปวดมวนท้อง
- เถา : ใช้แก้เสมหะในทรวงอก และอาการท้องร่วงขั้นรุนแรง และท้องเดินหลายๆ ครั้ง
- ราก : ใช้ขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง วิงเวียน และช่วยย่อยอาหาร
- น้ำมันในพริกไทย : ช่วยลดน้ำหนัก และสามารถใช้นวดส่วนที่ต้องการลดได้
ตำลึง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Coccinia grandis (L.) Voigt
ชื่อสามัญ : Ivy Gourd
วงศ์ : Cucurbitaceae
ชื่ออื่น : ผักแคบ (ภาคเหนือ) แคเด๊าะ (กระเหรี่ยงและแม่ฮองสอน) ตำลึง,สี่บาท (ภาคกลาง) ผักตำนิน (ภาคอีสาน)
ลักษณะทั่วไป
- ไม้เลื้อย มีมือเกาะ
- ใบ : เป็นใบเดี่ยว แผ่นใบแผ่เว้าเป็น 5 แฉก ขนาดกว้าง 5-8 ซม. ขอบใบมีต่อมคายน้ำ โคนใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลมมน ผิวใบเกลี้ยง ก้านใบยาว 3-6 ซม.
- ดอก : ดอกสีขาว เป็นดอกเดี่ยว แยกเพศ อยู่ต่างต้น ดอกเพศผู้ขนาด 4-6 ซม. กลีบดอก 5 กลีบ เกสรผู้ 3 อัน อับเรณูขนาดใหญ่รูปขอบขนาน สีเหลืองเป็นก้อนอยู่ในคอดอก ดอกเพศเมีย กลีบดอกเหมือนดอกเพศผู้ ยอดเกสรแยกเป็น 3-5 แฉก
- ผล : เป็นผลสด รูปขอบขนานหรือรูปป้อม กว้างประมาณ 2.5 ซม. ยาวประมาณ 5 ซม. ผลแก่สีแดงส้ม เมล็ดแบนรี มีจำนวนมาก ขนาด 2-3 มม.
- ใบ : ใช้ในการแก้ไข้ตัวร้อน ตาแดง ตาเจ็บ
- เถา : นำน้ำต้มจากเถาตำลึงมาหยอดตาแก้ตาแดง ตาฟาง
- ดอก : ช่วยทำให้หายจากอาการคันได้
- ราก : ใช้แก้อาการอาเจียน ตาฝ้า
- น้ำยางจากต้นและใบ : ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
รางจืด
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Thumbergia laurifolia Lindl.
ชื่อวงศ์ : Acanthaceae
ชื่ออื่นๆ : กำลังช้างเผือก ขอบชะนาง เครือเขาเขียว (ภาคกลาง) ฮางจืด (ภาคเหนือ)
ลักษณะทั่วไป
- เป็นไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง
- ใบ : ลักษณะเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลมคล้ายใบย่านาง
- ดอก : มีสีม่วงอมฟ้า ออกเป็นช่อห้อยลงตามซอกใบ
- ผล : เป็นฝัก กลม ปลายเป็นจะงอยเมื่อออกผลจะแตกเป็น 2 แฉก ปัจจุบันนี้นิยมปลูกไว้ในบ้าน ให้ขึ้นตามรั้วหรือทำเป็นไม้กระถาง
- ใบและราก : ใช้พอกบาดแผลหรือเป็นยาถอนพิษไข้ ถอนพิษอาหาร หรือพิษเบื่อเมา (อาการที่เกิดหรือดื่มเหล้ามากเกิน)
- ราก : ใช้ถอนพิษเบื่อเมา ถ้าให้ได้ผลดีต้องมีอายุเกิน 1 ปี ขึ้นไป ใช้ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ นำมาฝนกับน้ำซาวข้าว จะทำให้พิษเจือจาง และถอนพิษออก
- ใบ : ใช้ถอนพิษไข้ พิษเบื่อเมาจากการรับประทานของแสลง ใช้ใบสดประมาณ 10-15 ใบ นำมาตำให้ละเอียดคั้นน้ำซาวข้าวดื่มทุกๆ 2 ชั่วโมง
อัญชัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clitore ternatea Linn.
ชื่อสามัญ : Butterfly pea, Blue pea, Asian pigeon-wings
วงศ์ : Papilionaceae
ชื่ออื่นๆ : แดงชัน เอื้องชัน
ลักษณะทั่วไป
- อัญชันเป็นไม้เลื้อยซึ่งปลูกเป็นไม้ประดับรั้วหรือซุ้มทั่ว ๆ ไป
- ลำต้น : มีขนนุ่ม
- ใบ : เป็นช่อ มีใบย่อยรูปไข่ 5-7 ใบ
- อัญชันมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด : ชนิดดอกขาว และชนิดดอกสีน้ำเงิน (ขาบ) แต่ละชนิดมีทั้งดอกเป็นชั้นเดียวและดอกซ้อน ชนิดพันธุ์ทางมีดอกสีม่วงเกิดจากการผสมระหว่างดอกสีขาวและสีน้ำเงิน
- ดอก
- ใช้แต่งสีอาหารได้ ใช้เป็นสีผสมอาหารในขนหลายชนิด เพื่อนให้ขนมนั้น ๆ มีสีน้ำเงิน สีฟ้า สีม่วง เช่น ขนมช่อม่วง ขนมเรไร ขนมขี้หนู ขนมน้ำดอกไม้ วิธีสกัดสีจากดอกอัญชัน ทำได้โดยนำกลีบดอกอัญชันมาบดในน้ำเล็กน้อย กรองผ่านผ้าขาวบาง บีบน้ำออกได้สีน้ำเงิน ถ้าต้องการสีม่วงให้เติมมะนาวลงไปเล็กน้อย
- เมล็ด : ใช้เป็นยาระบาย แต่มักจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- ราก : มีรสขม ใช้เป็นยาขับปัสวะและใช้เป็นยาระบาย
มะระ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Momordica charantia L.
ชื่อสามัญ : Bitter Cucumber, Balsum Pear
วงศ์ : Cucurbitaceae
ชื่ออื่น : ผักไห่ มะไห่ มะนอย มะห่วย ผักไซ (เหนือ) สุพะซู สุพะเด (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) มะร้อยรู (กลาง) ผักเหย (สงขลา) ผักไห (นครศรีธรรมราช) ระ (ใต้) ผักสะไล ผักไส่ (อีสาน) โกควยเกี๋ยะ โควกวย (จีน) มะระเล็ก มะระขี้นก (ทั่วไป)
ลักษณะทั่วไป
- เป็นไม้เลื้อยพันต้นไม้อื่น มีมือเกาะ
- ลำต้น : เป็นเหลี่ยมมีขนปกคลุม
- ใบ : ใบเดี่ยว ออกสลับลักษณะคล้ายใบแตงโมแต่เล็กกว่า มีสีเขียวทั้งใบ ขอบใบหยัก เว้าลึก มี 5-7 หยัก ปลายใบแหลม
- ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ สีเหลืองอ่อน มี 5 กลีบ เกสรมีสีเหลืองแก่ถึงส้ม กลีบดอกบาง ช้ำง่าย
- ผล : ผลเดี่ยวรูปกระสวย ผิวขรุขระ มีปุ่มยื่นออกมา ผลอ่อนมีสีเขียว ผลสุกมีสีเหลืองถึงส้ม ผลแก่แตกอ้าออก
- เมล็ด : เมล็ดสุกมีสีแดงสด รูปร่างกลมแบน
ส่วนที่ใช้ : ราก เถา ใบ ดอก ผลและเมล็ด ใช้สดหรือตากแห้งเก็บไว้ใช้ ผลอาจเก็บมาหั่นเป็นท่อนๆ ตากแห้งเก็บไว้ใช้
สรรพคุณ
- ผลแห้ง : รักษาโรคหิด
- ผล : รสขม เย็นจัด ใช้แก้ร้อน ร้อนในกระหายน้ำทำให้ตาสว่าง แก้บิด ตาบวมแดง แผลบวมเป็นหนอง ฝีอักเสบ
- เมล็ด : รสขม ชุ่ม ไม่มีพิษ แก้วัวถูกพิษใช้คั้นเอาน้ำให้กิน เป็นยากระตุ้นความรู้สึกทางเพศ เพิ่มพูนลมปราณ บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง
- ใบ : แก้โรคกระเพาะ บิด แผลฝีบวมอักเสบ ขับพยาธิ
- ดอก : รสขม เย็นจัด ใช้แก้บิด
- ราก : รสขม เย็นจัด ใช้แก้ร้อน แก้พิษ บิดถ่ายเป็นเลือด แผลฝีบวมอักเสบ และปวดฟัน
- เถา : รสขม เย็นจัด ใช้แก้ร้อน แก้พิษ บิดฝีอักเสบ ปวดฟัน