สมุนไพรประเภท ไม้ยืนต้น
มะรุม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleifera Lam.
ชื่อสามัญ : Horse Radish Tree, Drumstick Tree
วงศ์ : MORINGACEAE
ชื่ออื่นๆ : ผักอีฮืม, มะค้อนก้อม, บ่าค้อนก้อม (ภาคเหนือ), มะรุม (ภาคกลาง), ผักอีฮุม (ภาคอีสาน)
ลักษณะทั่วไป
- ต้น : เป็นพรรณไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ลำต้นจะเป็นพุ่มโปร่ง จะมีเปลือกลำต้นเป็นสีเทาอ่อน ผิวค่อนข้างเรียบ ลำต้นมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร
- ใบ : เป็นไม้ใบรวม ออกรวมกันเป็นแผง ๆ ละ 5-9 ใบ ลักษณะของใบย่อยนั้นรูปใบจะมนเกือบกลม ปลายใบมนแต่โคนใบแหลมเรียว หรือมนเล็กน้อย เนื้อใบอ่อนบางมีสีเขียวกว้างประมาณ 1-1.5 นิ้ว ใบที่อยู่ปลายสุดจะมีขนาดใหญ่กว่าใบอื่น ๆ
- ดอก : ดอกออกเป็นช่อ อยู่ตามข้อบริเวณส่วนยอด ดอกมีสีเหลืองนวล มีอยู่ 5 กลีบ เกสรกลางดอกเป็นสีเหลืองเข้ม บานเต็มที่โตประมาณ 1 นิ้ว
- ผล : ผลมีลักษณะเป็นฝัก กลม ยาว ฝักอ่อนมีสีแดงเรื่อ ๆ ฝักแก่จะมีเป็นสีเขียว เปลือกของฝักหนา มีคลื่นนูนของเมล็ด
- ใบ : ใช้ใบสด ใบจะมีวิตามินซี และเอมาก ใช้เป็นยาแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเยื่อเมื่ออักเสบ หรือใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผลดอก ใช้เป็นยาบำรุง ขับปัสสาวะ และขับน้ำตา เป็นต้น
- ราก : มีอัลกาลอยด์ 2 ชนิด คือ moringinine และ moringine ซึ่งจะมีฤทธิ์ทำให้ความดันเลือดสูง และมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว นำมาปรุงใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ บำบัดโรคท้องมาร เป็นต้น
- เมล็ด : ใช้เมล็ดสด นำมาคั้นเอาน้ำมันออกจะได้ Behen oil หรือ Ben ใช้เป็นอาหาร ใช้ทำเครื่องสำอาง หรือปรุงเป็นยาแก้ไข้ ใช้ทาภายนอกแก้บวม แก้โรคปวดตามข้อ
น้อยหน่า
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Annona squamosa L.
ชื่อสามัญ : Sugar Apple
วงศ์ : Annonaceae
ชื่ออื่น : : น้อยแน่ มะนอแน่ หมักเขียบ
ลักษณะทั่วไป
- ลำต้น : ไม้ยืนต้น สูง 3-5 เมตร
- ใบ : ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกแกมขอบขนาน กว้าง 3-6 ซม. ยาว 7-13 ซม.
- ดอก : ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ ห้อยลง กลีบดอกสีเหลืองแกมเขียว 6 กลีบ เรียง 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ หนาอวบน้ำ มีเกสรตัวผู้และรังไข่ จำนวนมาก
- ผล : เป็นผลกลุ่ม ค่อนข้างกลม
- ส่วนที่ใช้ : ใบสด หรือ เนื้อในเมล็ดสด
- รักษาเหา
- รักษาหิด
- รักษาจี๊ด
ข่อย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Streblus asper Lour.
ชื่อสามัญ : Siamese rough bush, Tooth brush tree
วงศ์ : Moraceae
ชื่ออื่น : ตองขะแหน่ (กาญจนบุรี) กักไม้ฝอย (ภาคเหนือ) ส้มพอ (เลย)
ลักษณะทั่วไป
- ลำต้น : ไม้ยืนต้น แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทึบ กิ่งก้านคดงอ เปลือกต้นบาง ขรุขระเล็กน้อย สีเทาอมเขียว มียางสีขาวข้น
- ใบ : เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียน รูปรี กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก แผ่นใบสีเขียว สากมือ เนื้อใบหนาค่อนข้างกรอบ
- ดอก : ออกเป็นช่อสั้นตามซอกใบ ดอกย่อยเล็กมาก ดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้รวมกันเป็นช่อกลม ก้านดอกสั้น ดอกเพศเมียช่อหนึ่งมีดอกย่อย 2 ดอก ก้านดอกยาว
- ผล : รูปทรงกลม ผลมีเนื้อ ผนังผลชั้นในแข็ง เมื่ออ่อนสีเขียว สุกเป็นสีเหลืองใส เมล็ดเดี่ยว แข็ง กลม
สรรพคุณ
- กิ่งสด - ทำให้ฟันทน ไม่ปวดฟัน ฟันแข็งแรง ไม่ผุ
- เปลือก - แก้บิด แก้ท้องเสีย แก้ไข้ ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์
- เปลือกต้น - แก้ริดสีดวงจมูก
- เมล็ด
- ฆ่าเชื้อในช่องปาก และทางเดินอาหาร
- เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงธาตุ ขับลมในลำไส้ - รากเปลือก - เป็นยาบำรุงหัวใจ
ขี้เหล็ก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia siamea lamk. ( C. Florida vahl)
ชื่อสามัญ : Siamese cassia
วงศ์ : CAESLPINIACEAE
ชื่ออื่น ๆ : ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ) ขี้เหล็กบ้าน (ลำปาง) ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลาง) ยะหา (ปัตตานี) ขี้เหล็ก จีหรี่ (ภาคใต้)
ลักษณทั่วไป
- ต้น ขี้เหล้กเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
- ใบ : เป็นใบรวมซึ่งประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 20 ใบ ลักษณะใบจะดกหนาทึบ คล้ายใบทรงบาดาลหรือใบของชุมเห็ดไทย
- ดอก : จะออกเป็นช่อสีเหลืองสวย
- ฝัก : มีลักษระแบนอวบและยาวประมาณ 15 ซม. คล้ายกับฝักแค
สรรพคุณ
- ใบอ่อน : พบว่ามีสารจำพวก chromone ซึ่งมีชื่อว่า barakol นอกจากนี้ใบสามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร และใช้หมักปุ๋ย manure ใช้บ่มมะม่วงเพื่อให้มะม่วงสุกเร็ว ก่อนที่จะมีการนำแก๊สมาใช้บ่มผลไม้ แล้วยังพบ alkaloid ซึ่งเป็นพิษต่อหนูในเมล็ดและใบ จากการที่เรานำมาบริโถคจุได้คุณค่าทางอาหารแล้ว ยังช่วยระบายขับปัสสาวะ รักษานิ่ว ระดูขาวตกหนัก และยังรักษาอาการท้องผูก โดยต้มเอาน้ำดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้าหรือก่อนนอน
- ดอก : ในดอกมีสารอัลคลอลอยด์มีคุณสมบัติช่วยเป็นยาระบายในตัว
- ฝัก : ภายในจะมียาฝาดสมาน tannin ใช้รักษาท้องร่วงและยังมีสารจำพวก อัลคอลอลอยด์ ที่ช่วยระบายอ่อน ๆ ดังนั้น เราจึงใช้ฝักขี้เหล้กผสมในยาระบายดี เพราะช่วยระบายรู้จักปิด
- ราก : ใช้ผสมในยาขับพยาธิ และช่วยระงับอาการชักได้
มะพร้าว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cocos nucifera L. var. nucifera
ชื่อสามัญ : Coconut
วงศ์ : Palmae
ชื่ออื่น : ดุง (จันทบุรี) เฮ็ดดุง (เพชรบูรณ์) โพล (กาญจนบุรี) คอส่า (แม่ฮ่องสอน) พร้าว (นครศรีธรรมราช) หมากอุ๋น
ลักษณะทั่วไป
- ลำต้น : ไม้ต้น สูง 20-30 เมตร ลำต้นกลม ตั้งตรง ไม่แตกกิ่งก้าน เปลือกต้นแข็ง สีเทา ขรุขระ มีรอยแผล
- ใบ : ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงเวียน รูปพัดจีบ กว้าง 3.5- ซม. ยาว 80-120 ซม. โคนใบและปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบสีเขียวแก่เป็นมัน โคนก้านใบใหญ่แผ่เป็นกาบหุ้มลำต้น
- ดอก : ออกเป็นช่อแขนงตามซอกใบ ดอกเล็ก กลีบดอกที่ลดรูปมี 4-6 อัน ในช่อหนึ่งมีทั้งดอกเพศผู้และเพศเมีย ดอกเพศผู้อยู่ปลายช่อ ดอกเพศเมียอยู่บริเวณโคนช่อดอกไม่มีก้านดอก
- ผล : รูปทรงกลมหรือรี ผิวเรียบ ผลอ่อนสีเขียวพอแก่เป็นสีน้ำตาล เปลือกชั้นกลางเป็นเส้นใยนุ่ม ชั้นในแข็งเป็นกะลา ชั้นต่อไปเป็นเนื้อผลสีขาวนุ่ม ข้างในมีน้ำใส
- เปลือกผล : รสฝาดขม สุขุม ใช้ห้ามเลือด แก้ปวด เลือดกำเดาออก โรคกระเพาะ และแก้อาเจียน
- กะลา : แก้ปวดเอ็น ปวดกระดูก
- ถ่านจากกะลา : รับประทานแก้ท้องเสีย และดูดสารพิษต่างๆ
- น้ำมันที่ได้จากการเผากะลา : ใช้ทา บาดแผล และโรคผิวหนัง แก้กลาก อุดฟัน แก้ปวดฟัน
- เนื้อมะพร้าว : รสชุ่ม สุขุม ไม่มีพิษ รับประทานบำรุงกำลัง ขับพยาธิ
- น้ำมันจากเนื้อมะพร้าว : ใช้ทาแก้กลาก และบาดแผลที่เกิดจากความเย็นจัด หรือถูกความร้อน และใช้ผสมทาแก้โรคผิวหนังต่างๆ นอกจากที่ยังใช้เป็นอาหาร ทาแก้ผิวหนัง แห้ง แตกเป็นขุย และชนิดที่บริสุทธิ์มากๆ ใช้เป็นตัวทำลายในยาฉีดได้
- น้ำมะพร้าว : รสชุ่ม หวานสุขุม ไม่มีพิษ แก้กระหาย ทำให้จิตใจชุ่มชื่น แก้พิษ อาเจียนเป็นเลือด ท้องเสีย บวมน้ำ ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ในยามจำเป็น น้ำมะพร้าวอ่อนอายุประมาณ 7 เดือน อาจใช้ฉีดเข้าเส้นเลือดแก้ภาวะการเสียน้ำได้
- ราก : รสฝาด หวาน ใช้ขับปัสสาวะ และแก้ท้องเสีย ต้มน้ำอมแก้ปากเจ็บ
- เปลือกต้น : เผาเป็นเถ้า ใช้ทาแก้หิด และสีฟันแก้ปวดฟัน
- สารสีน้ำตาล : ไหลออกมาแข็งตัวที่ใต้ใบ ใช้ห้ามเลือดได้ดี
อบเชยเทศ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cinnamomum verum J.Presl
ชื่อสามัญ : Cinnamon Tree
วงศ์ : Lauraceae
ลักษณะทั่วไป
- เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ไม่ผลัดใบ
- ลำต้น : เปลือกลำต้นมีสีเทาและหนา กิ่งขนานกับพื้นและตั้งชันขึ้น
- ใบ : เป็นใบเดี่ยว ออกลับกันตามลำต้น ลักษณะใบคล้ายรูปไข่ ปลายใบแหลม มีเส้นใบสามเส้น
- ดอก : ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ขนาดเล็ก สีเหลือง มีกลิ่นหอม
- ผล : มีสีดำคล้ายรูปไข่
สรรพคุณ
- เปลือกต้น
- ใช้บำรุงดวงจิต แก้อ่อนเพลีย ทำให้มีกำลัง
- ใช้ขับลม บำรุงธาตุ
- บดเป็นผงใช้เป็นเครื่องเทศใส่อาหาร
- ใส่เครื่องสำอาง
- ใช้ปรุงเป็นยาหอม แก้ลมวิงเวียน และจุกเสียด - ใบ
- มีน้ำมัน ใช้แต่งกลิ่น
- ฆ่าเชื้อ